การทุจริตของตระกูลการเมืองที่นำพาประเทศสู่หายนะ

23.07.2025

สรุปประเด็น

ศรีลังกาเคยถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในเอเชียใต้ แต่เพียงไม่กี่ปีกลับพังทลายจากภายใน ด้วยการเมืองแบบผูกขาดอำนาจ การทุจริตเชิงนโยบาย และกลไกตรวจสอบที่ไร้ประสิทธิภาพ เมื่อรัฐกลายเป็นสมบัติของคนกลุ่มเดียว สิ่งที่ตามมาคือหายนะทางเศรษฐกิจ ความสิ้นศรัทธาต่อสถาบัน และเสียงประชาชนที่ระเบิดออกมาทวงคืนอำนาจ บทความนี้ชวนเราหันกลับมามองประเทศไทย และตั้งคำถามว่า เราเรียนรู้อะไรจากศรีลังกาได้ ก่อนที่จะสายเกินไป

เมื่อประเทศล้มละลายเพราะการเมืองครอบครัว: กรณีศึกษาศรีลังกา


หากเราจะมองหาตัวอย่างร่วมสมัยของประเทศที่เศรษฐกิจพังพินาศจนต้องประกาศผิดนัดชำระหนี้ ข้าวของราคาแพงเป็นเท่าตัวในช่วงเวลาไม่กี่เดือน สังคมแตกสลาย และประชาชนออกมาลุกฮือโค่นล้มรัฐบาล อาจไม่มีกรณีศึกษาใดสดใหม่ไปกว่าศรีลังกา  


ดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่ามีศักยภาพสูงในภูมิภาคเอเชียใต้ ทว่าเพราะการเมืองที่ถูกครอบงำโดยตระกูลเดียว กลับกลายเป็นประเทศที่ต้องเผชิญวิกฤติสาหัสทั้งด้านเศรษฐกิจ การคลัง และความเชื่อมั่นในสถาบันรัฐ 


ต้นตอของวิกฤติ: ทุจริต การเมืองครอบครัว และรัฐไร้ประสิทธิภาพ


งานวิจัยโดย Ramesh และ Vinayagathasan ในปี 2024 ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า การทุจริต การบิดเบือนกลไกนิติรัฐ การไร้กลไกตรวจสอบถ่วงดุล และการใช้งบประมาณรัฐอย่างไร้ประสิทธิภาพ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่กัดกร่อนประสิทธิภาพรัฐบาลของศรีลังกาตลอดหลายปีที่ผ่านมาภายใต้ตระกูลราชปักษา 


งานศึกษานี้พบว่าแม้การควบคุมการทุจริตและการยึดมั่นในหลักนิติรัฐจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของรัฐได้จริงในระยะยาว แต่ในกรณีศรีลังกา กลับพบปัญหาเรื้อรังทั้งเรื่องการเมืองครอบครัว (dynastic politics) การทุจริตเชิงนโยบาย (policy corruption) และการใช้อำนาจรัฐเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ซึ่งท้ายที่สุดได้นำพาประเทศเข้าสู่วิกฤติทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ หรืออาจจะเรียกได้ว่าประเทศเข้าสู่ภาวะล้มละลาย เพราะไม่มีเงินจะใช้หนี้คืน 


ราชปักษา: ตระกูลเดียวที่ครอบงำทั้งรัฐ


ในบรรดาตระกูลการเมืองที่สร้างรอยแผลให้แก่ศรีลังกา คงไม่มีตระกูลใดโดดเด่นเกินกว่าตระกูลราชปักษา ตั้งแต่ มหินทรา ราชปักษา ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีถึงสองสมัย ก่อนจะผลักดันน้องชาย โกตาบายา ราชปักษา ขึ้นเป็นผู้นำประเทศต่อ และอีกหลายตำแหน่งสำคัญทั้งในคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานความมั่นคงที่ถูกแบ่งปันให้เครือญาติ  


ภายใต้โครงสร้างแบบนี้การจัดสรรงบประมาณของรัฐไม่ได้ตอบสนองต่อผลประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง แต่กลับถูกนำไปผูกติดกับโครงการขนาดใหญ่ที่อิงประโยชน์กับคนเพียงไม่กี่กลุ่ม เช่น โครงการสนามบินร้าง ท่าเรือไร้เรือ หรืออาคารสัญลักษณ์หรูหราที่ไม่ได้สร้างรายได้ จนทำให้หนี้สาธารณะของศรีลังกาพุ่งอย่างรวดเร็ว 


จากหนี้ล้นประเทศสู่การลุกฮือของประชาชน


การทุจริตของตระกูลการเมืองไม่ได้จำกัดเพียงการยักยอกเงินเข้ากระเป๋าเท่านั้น แต่มันยังบิดเบือนลำดับความสำคัญของนโยบายสาธารณะ ทั้งก่อหนี้มหาศาลและใช้กลไกรัฐไปปราบปรามเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อเศรษฐกิจถดถอยเพราะหนี้สินล้นประเทศ ประชาชนก็ถูกผลักเข้าสู่ความยากจน ข้าวของแพง ไฟฟ้าดับ น้ำมันขาดแคลน จนต้องรวมตัวกันออกมาโค่นล้มรัฐบาลราชปักษาในที่สุด 


การเมืองแบบตระกูลเดียว: บทเรียนที่ไทยไม่ควรมองข้าม


หากมองย้อนกลับมายังประเทศไทย จะเห็นว่าปรากฏการณ์ “ตระกูลการเมือง” หรือการสืบทอดอำนาจในหมู่ญาติพี่น้องก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แม้โครงสร้างของรัฐไทยอาจมีมาตรการตรวจสอบถ่วงดุลมากกว่าศรีลังกา แต่ การตั้งพรรคพวกกันเองควบคุมทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ หรือการใช้เครือญาติในการดำรงตำแหน่งสำคัญของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ ก็เป็นสิ่งที่สังคมไทยควรตระหนักว่ามันอาจนำไปสู่วงจรอุบาทว์ที่คล้ายกันได้ 


จะไม่ซ้ำรอยศรีลังกา ต้องยืนยันหลักนิติรัฐและตรวจสอบได้


บทเรียนจากศรีลังกาจึงเป็นเสมือนเครื่องเตือนใจเราคนไทยให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างระบบการเมืองที่เปิดกว้าง โปร่งใส และต้านทุจริตอย่างจริงจัง เราจำเป็นต้องยืนยันหลักนิติรัฐ (rule of law) ที่ไม่อ่อนข้อให้กับอำนาจการเมือง ไม่ยอมให้การบังคับใช้กฎหมายถูกบิดเบือนเพื่อปกป้องคนในเครือข่ายผู้มีอำนาจ  


อีกทั้งต้องลงทุนกับกลไกตรวจสอบ ทั้งในรูปขององค์กรอิสระ สื่อมวลชน และประชาสังคมที่เข้มแข็ง ตลอดจนยกระดับระบบจัดซื้อจัดจ้าง การใช้จ่ายงบประมาณ และการเข้าถึงข้อมูลสาธารณะให้โปร่งใสมากที่สุด 


ความเพิกเฉยในวันนี้ อาจเป็นหายนะในวันหน้า


เหนือสิ่งอื่นใด บทเรียนจากศรีลังกาคือเสียงของประชาชนต้องไม่ถูกปิดปากหรือถูกเบี่ยงเบน เพราะการมี “voice and accountability” ที่แท้จริงแม้ในระยะสั้นอาจสร้างแรงกระเพื่อมให้รัฐบาลต้องปรับตัว และในระยะยาวจะเป็นหลักประกันที่สำคัญที่สุดต่อการป้องกันวิกฤตของรัฐ ดังที่เกิดขึ้นในศรีลังกา 


เราคงไม่อาจบอกได้ว่าการเมืองแบบตระกูลเดียวจะนำประเทศสู่หายนะเหมือนกันทุกที่ ทว่าเมื่อดูตัวอย่างจากศรีลังกา มันคือคำเตือนที่ดังพอจะปลุกให้เราคนไทยตระหนักว่าความเฉื่อยชาต่อการทุจริตทางการเมืองในวันนี้ อาจกลายเป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงที่ยากเกินกว่าจะแก้ไขในวันข้างหน้า 



อ้างอิง 

Ramesh, R., & Vinayagathasan, T. (2023). The Impact of Corruption, Rule of Law, Accountability, and Government Expenditure on Government Effectiveness: Evidence From Sri Lanka. Journal of Asian and African Studies, 59(6), 1843-1866. https://doi.org/10.1177/00219096221146999

______________________


บทความคิดด้วยพลเมือง ตอน การทุจริตของตระกูลการเมืองที่นำพาประเทศสู่หายนะ

โดย : ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก HAND Social Enterprise 

Author

Suppawit Kaewkhunok

ผู้จัดการมือใหม่ บุคลิก ENFJ ที่อยากใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและพลังงาน หลงใหลการเดินทางในดินแดนชมพูทวีปและจงกั๋ว และไม่กลัวที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ